สัญญาหรือข้อตกลงถือเป็นเอกสารสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากในธุรกิจ การซื้อขาย การส่งสินค้า หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ตกลงทำร่วมกับบุคคลอื่น นอกจากจะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายแล้ว ยังเป็นหลักฐานสำคัญในการแก้ไขปัญหาขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น โดยสัญญาจะถูกใช้เพื่อตัดสินว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด และกำหนดสิทธิ เงื่อนไข หรือข้อปฏิบัติต่างๆ อย่างชัดเจน เช่น ฝ่ายใดมีสิทธิกระทำการใด หรือฝ่ายใดจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง
แม้ว่าสัญญาจะมีบ่อเกิดมาจากการค้าขาย การทำธุรกิจ การจ้างงาน หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน แต่บทบาทของสัญญานั้นมีความสำคัญมากกว่านั้น สัญญาไม่ได้เป็นเพียงเอกสารที่แสดงถึงข้อตกลงระหว่างคู่สัญญา แต่ยังทำหน้าที่เป็นกรอบการดำเนินงานที่สร้างความชัดเจนในสิทธิและหน้าที่ของแต่ละฝ่าย โดยที่เนื้อหาสัญญามักประกอบไปด้วยถ้อยคำและสำนวนทางกฎหมาย เนื่องจากมีความเป็นทางการและช่วยสื่อถึงการบังคับใช้ เงื่อนไข และการตีความได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำทางกฎหมายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป เพราะต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจในบริบทของกฎหมายอย่างลึกซึ้ง
หากเป็นสัญญาที่เขียนในหลายภาษา หรือระหว่างคู่สัญญาต่างประเทศกัน การใช้ถ้อยคำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่รัดกุมของภาษาและบริบทกฎหมายภายในประเทศที่ต่างกัน อาจนำไปสู่ผลเสีย เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจเสียเปรียบ แบกรับภาระมากเกินควร หรือในกรณีร้ายแรงที่สุด สัญญาอาจไม่สามารถบังคับใช้ได้เลย ดังนั้น ความแม่นยำ ความเชี่ยวชาญในภาษา และความรู้ทางกฎหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการแปลสัญญา
ที่ WPK เราให้ความสำคัญกับการเลือกนักแปลที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโดยเฉพาะ และทุกการแปลจะได้รับการตรวจทานโดยทนายความที่มีประสบการณ์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศก่อนส่งมอบงานให้ลูกค้า เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพค่ะ
วันนี้ เราอยากแบ่งปันตัวอย่างถ้อยคำสำนวนทางกฎหมายที่พบได้บ่อยในสัญญา ซึ่งมักสร้างความสับสนให้กับบุคคลทั่วไป โดยจะมีเทคนิคการทำความเข้าใจและการแปลให้ด้วยค่ะ
ถ้อยคำสำนวนกฎหมายที่ใช้ในสัญญา
1. “Provided that…” / “Provided however that…”
แปลตรงตัวว่า "ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่า…" หรือ "แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่า…"
- มักปรากฏกลางประโยค เพื่อระบุเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับข้อความก่อนหน้า เช่น:
Either Party may provide greater protection if they so wish, provided that such protection does not contravene this Agreement.
แปล: คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจให้ความคุ้มครองในระดับสูงกว่าที่กำหนดไว้ หากมีเจตนารมณ์ที่จะทำเช่นนั้น ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่า ความคุ้มครองดังกล่าวจะต้องไม่ขัดต่อสัญญาฉบับนี้
เทคนิค: เมื่อเจอคำว่า "Provided that" อยู่กลางประโยค ให้แบ่งประโยคออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก่อนคำนี้ และส่วนที่สองหลังคำนี้ โดยข้อความหลังจะทำหน้าที่เป็นเงื่อนไขของข้อความก่อน
อย่างไรก็ตาม บางครั้งถ้าต้องการเน้นเงื่อนไขนี้ให้หนักแน่นขึ้น ก็สามารถพบเจอถ้อยคำนี้ในตอนต้นประโยคได้ โดยความหมายก็จะยังคงเหมือนเดิม หากคำนี้ปรากฏที่ต้นประโยค เทคนิคก็คือให้แบ่งประโยคในลักษณะเดียวกัน และประโยคข้างหลังก็มักจะเป็นเงื่อนไขของประโยคข้างหน้า
2. “Including without limitation” / “Including but not limited to”
แปลว่า "รวมทั้งแต่ไม่จำกัดเฉพาะ…"
- ใช้ในการยกตัวอย่างเพื่อสื่อว่ารายการที่ระบุไว้เป็นเพียงตัวอย่าง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นั้น เช่น:
However, the user shall be requested to provide the Personal Data, including but not limited to, identifiable information, contact information, name, company name, address, phone number, email address, mailing address, IP address (hereinafter referred to as the “Personal Data”), while utilizing the following services on the Website.
แปล อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้อาจถูกร้องขอให้ให้ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตน ข้อมูลการติดต่อ ชื่อ ชื่อบริษัท ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่สำหรับจัดส่ง และที่อยู่ IP (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ในระหว่างการใช้บริการดังต่อไปนี้บนเว็บไซต์
เทคนิค หากเจอคำว่า “Including without limitation” หรือ “Including but not limited to” ให้นึกในใจว่าเป็นการยกตัวอย่าง หลังคำนี้จึงเป็นเพียงรายการตัวอย่าง ไม่ใช่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากเป็นการแปลอย่างเป็นทางการ ควรใช้คำแปลตรงตัว เช่น "รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ…" เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับเอกสารต้นฉบับ
3. “Unless otherwise”
แปลว่า "เว้นแต่… เป็นอย่างอื่น"
- ใช้เพื่อระบุข้อยกเว้น โดยคำนี้จะใช้เมื่อจะบอกว่า ปกติแล้วให้เงื่อนไขข้อตกลงเป็นตามที่ระบุที่เขียนไว้ในสัญญา แต่ก็จะมีข้อยกเว้นอยู่ว่าไม่ต้องเป็นตามที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ก็ได้ พบได้ทั้งต้นประโยค กลางประโยค และท้ายประโยค เช่น:
ต้นประโยค:
Unless otherwise authorized by the laws, an invitation letter for a general meeting shall be published at least once in a local newspaper no less than seven (7) days prior to the date of the meeting
แปล เว้นแต่จะได้รับอนุญาตตามกฎหมายเป็นอย่างอื่น หนังสือเชิญประชุมใหญ่นั้นจะต้องได้รับการประกาศอย่างน้อยหนึ่งครั้งในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ไม่น้อยกว่าเจ็ด (7) วันก่อนวันที่จะมีการประชุม
กลางประโยค:
The parties hereto shall perform the obligations contained in the Attachment no. 10 attached herewith unless otherwise agreed upon by the parties.
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามภาระผูกพันที่ระบุไว้ในเอกสารแนบฉบับที่ 10 ซึ่งแนบท้ายมา ณ ที่นี้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่นโดยคู่สัญญา
ท้ายประโยค:
“Days” means consecutive calendar days unless otherwise specified.
แปล “วัน” ให้หมายความถึง วันตามปฏิทินติดต่อกัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
เทคนิค สังเกตข้อความหรือกริยาที่ตามหลัง “Unless otherwise” เพื่อเข้าใจว่ากำลังยกเว้นเงื่อนไขอะไร และเงื่อนไขดังกล่าวจะใช้แทนข้อกำหนดปกติที่ระบุไว้ในสัญญาได้
4. “Subject to”
แปลตรงๆ ว่า "ภายใต้บังคับของ…" หรือ "ขึ้นอยู่กับ…"
- ใช้เพื่ออ้างอิงหรือกำหนดข้อจำกัด เงื่อนไข หรือหน้าที่ เช่น:
Coverage of general liability insurance shall be subject to appendix and Licensee shall pay Handling Charge acknowledging the contents and scope of the insurance.
ความคุ้มครองของการประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลทั่วไปให้อยู่ภายใต้บังคับของเงื่อนไขที่ระบุไว้ในภาคผนวก และผู้รับอนุญาตต้องชำระค่าธรรมเนียมการดำเนินการโดยรับทราบเนื้อหาและขอบเขตของการประกันภัยดังกล่าว
เทคนิค: ถ้อยคำนี้อาจมีความหมายแตกต่างกันในบริบทของแต่ละสัญญา ต้องพิจารณาข้อความในประโยคทั้งหมดเพื่อแปลให้ตรงความหมาย เช่น ในบางกรณีอาจหมายถึง "ถือเป็นหน้าที่" หรือ "ถือเป็นความรับผิดชอบ" ซึ่งอาจจะไม่ได้แปลว่า “ภายใต้บังคับของ...” หรือ “ภายในบังคับของ...” เสมอไป เช่น
Any dispute arising out from the Licensee operation of business shall be solely subject to the Licensee.
ข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจของผู้รับอนุญาต จะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้รับอนุญาตแต่เพียงผู้เดียว
อย่างในบริบทข้างต้นนี้แปลว่า จะถือเป็นความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของคู่สัญญาที่ระบุไว้ภายใต้ข้อสัญญาข้อนี้
จะเห็นได้ว่า การแปลสัญญานั้น จะต้องอาศัยความชำนาญในการตีความและการแปลของผู้แปลมากๆ จึงไม่แนะนำให้แปลสัญญาเอง ซึ่งหากผู้แปลเป็นทนายความหรือนักกฎหมาย ก็จะสามารถใช้คำแปลได้ถูกต้องรอบคอบและรัดกุม ถูกต้องตรงตามเงื่อนไขของข้อสัญญาต้นฉบับได้
ทำไมการจ้างแปลสัญญาภาษาอังกฤษดีกว่าการแปลเอง
การแปลสัญญาภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากสัญญาเป็นเอกสารทางกฎหมายที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และข้อกำหนดทางกฎหมาย การแปลผิดอาจส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เงื่อนไขในสัญญาที่ผิดพลาด อาจทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบหรือเกิดข้อพิพาท การแปลสัญญาจึงจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะ รวมถึงความรู้ทางกฎหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและครบถ้วน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลของ WPK มีประสบการณ์ในการแปลเอกสารประเภทนี้โดยเฉพาะ สามารถใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายและหลักไวยากรณ์ของภาษาที่แปล ลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาด การเลือกใช้บริการจากนักแปลมืออาชีพหรือศูนย์แปลเอกสารจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะช่วยให้สัญญามีความชัดเจนและถูกต้อง สามารถนำไปใช้ได้จริงโดยไม่มีข้อกังวลในภายหลัง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญการแปลที่ WPK แปลไวมากด้วยค่ะ เพราะมีประสบการณ์มากว่าสิบปี
ขั้นตอนการขอรับบริการแปลเอกสารกับ WPK
- ติดต่อสอบถามบริการได้ทุกช่องทาง
คุณสามารถติดต่อเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ แอดมินจะรีบตอบกลับโดยเร็วที่สุด:- 📍 ไลน์: @519clses
- 📧 อีเมล: wpk.translation@gmail.com
- 📍 เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/wpktranslation
- ประเมินราคาและระยะเวลา
ทาง WPK จะทำการประเมินราคาค่าบริการและระยะเวลาในการดำเนินการให้ตรงตามความต้องการของคุณโดยเร็วที่สุดค่ะ หากต้องการบริการแปลแบบด่วน ด่วนพิเศษ หรือหากต้องการใบเสนอราคาอย่างเป็นทางการ สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้เลยนะคะ- การรักษาความลับของลูกค้า: เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง ข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ และจะไม่มีการเปิดเผยโดยไม่ได้รับการยินยอม ยกเว้นกรณีที่มีกฎหมายบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
- หากต้องการความมั่นใจเพิ่มเติม ทาง WPK สามารถเซ็นสัญญารักษาความลับ (Non-disclosure Agreement หรือ NDA) ได้ค่ะ
- ชำระค่าบริการแปลเอกสาร
เมื่อลูกค้ายอมรับเงื่อนไขการให้บริการแล้ว สามารถดำเนินการชำระค่าบริการได้ตามช่องทางที่เรากำหนด - ส่งเอกสารที่ต้องการแปล
คุณสามารถส่งเอกสารมาให้เราในรูปแบบไฟล์หรือเอกสารจริงได้ค่ะ โดยสามารถส่งทางอีเมล ไลน์ หรือช่องทางอื่นๆ ที่สะดวก - เริ่มดำเนินการแปลโดยนักแปลมืออาชีพ
ทีมงาน WPK จะเริ่มดำเนินการแปลเอกสารทันที โดยทีมงานของเราประกอบด้วยนักแปลผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและผู้มีความรู้เฉพาะทางในเอกสารประเภทต่างๆ - ส่งมอบเอกสารแปล
เราจะส่งเอกสารแปลที่เสร็จสมบูรณ์ให้ลูกค้าภายในระยะเวลาที่กำหนดและผ่านช่องทางที่ลูกค้าสะดวก เช่น อีเมล ไลน์ หรือจัดส่งเอกสารต้นฉบับไปที่ที่อยู่ลูกค้า
การจัดส่งเอกสารต้นฉบับนั้นลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งแบบไหน โดยหากต้องการด่วน เราสามารถส่ง EMS ทางไปรษณีย์ให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง หรือหากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็สามารถเลือกให้ส่งแบบด่วนพิเศษทางแมสเซ็นเจอร์หรือแอพพลิเคชั่นแกรบ (Grab) ได้เลยนะคะ
💼 เพราะเราเชื่อว่า การแปลเอกสารที่มีคุณภาพและการดูแลอย่างมืออาชีพ คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของคุณ