การแปลสัญญา (Legal Contract Translation) เป็นหนึ่งในงานแปลที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะด้านมากที่สุด เพราะ “คำผิด = ความหมายเปลี่ยน = ความเสี่ยงทางกฎหมายตามมา”
หลายธุรกิจและชาวต่างชาติในไทยเจอปัญหาเพราะใช้การแปลทั่วไปหรือ Google Translate หรือใช้ AI ต่างๆ แปล โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องของศัพท์กฎหมายทั้งไทย อังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ
บทความนี้สรุปให้ครบทั้ง เหตุผล, ความเสี่ยง, ตัวอย่างคำผิดที่พบบ่อย, และ วิธีเลือกนักแปลสัญญาอย่างถูกต้อง เพื่อให้มีความปลอดภัยทางกฎหมาย ตรงตามเจตนารมณ์คู่สัญญาและไม่ก่อให้เกิดผลทางกฎหมายที่ผิดเพี้ยนไป
ทำไมการแปลสัญญาต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย (Legal Translator)?
1) โครงสร้างสัญญาอังกฤษ–ไทยไม่เหมือนกัน
สัญญาภาษาอังกฤษมักใช้โครงสร้างแบบ Common Law แต่สัญญาภาษาไทยอ้างอิง Civil Law
หากแปลโดยไม่เข้าใจระบบกฎหมาย → ความหมายอาจไม่เทียบเท่า เช่น
- “Consideration” → ระบบไทยไม่มีคำที่ตรงตัว
- “Shall” → ใช้ระบุหน้าที่ตามกฎหมาย
- “Material Breach” → ต้องตีความว่าเป็นการผิดสัญญาที่มีนัยสำคัญ
ผู้แปลทั่วไปอาจแปล “สวย” แต่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย
2) ศัพท์กฎหมายอังกฤษ–ไทยมีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลตรงตัว
ตัวอย่างคำศัพท์ที่คนทั่วไปแปลผิดบ่อย:
| คำภาษาอังกฤษ | คนทั่วไปแปล | ความหมายที่ถูกต้อง |
|---|---|---|
| Termination | ยกเลิกสัญญา | การยุติสัญญา หรือ การบอกเลิกสัญญา |
| Liability | ความรับผิดชอบ | ความรับผิด ภาระผูกพัน |
| Indemnity | ชดใช้ | การชดใช้เพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า |
| Warranty | การรับประกัน | บางกรณีอาจหมายถึงการรับรองข้อเท็จจริงในสัญญา |
ผิดแม้แต่คำเดียว → ศาลตีความผิด ทำให้ผลทางกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป
3) สัญญามีผลผูกพันทางกฎหมาย (Binding Effect)
การแปลผิดอาจทำให้:
- เงื่อนไขสิทธิ–หน้าที่ไม่ตรงกับต้นฉบับ
- คู่สัญญาได้สิทธิหรือเสียสิทธิที่ไม่ตั้งใจ
- สัญญาไม่สามารถบังคับใช้ในศาลได้
- ถูกคู่สัญญาอีกฝ่ายฟ้องร้อง
4) เอกสารสัญญาหลายประเภทต้องใช้ “Certified Translation”
โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับ:
- ศาลไทย / คดีสัญญา
- จัดตั้งบริษัท / หุ้นส่วน
- ธุรกรรมต่างชาติในไทย
- สัญญา Visa, Work Permit, BOI
ถ้าไม่ผ่านการรับรองที่ถูกต้อง → หน่วยงานไม่รับเอกสาร
⚠️ ตัวอย่างคำผิดที่ทำให้สัญญาเสียหายจริง
❌ ตัวอย่าง 1: “Termination” แปลเป็น “ยกเลิกสัญญา”
→ แต่ในกฎหมายไทยอาจหมายถึง “บอกเลิกสัญญาตามเหตุ” ไม่ใช่ “ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ”
❌ ตัวอย่าง 2: แปล “Shall” เป็น “อาจจะ”
→ ทำให้หน้าที่ตามสัญญากลายเป็นเพียงทางเลือก แต่จริงๆ เป็นหน้าที่หรือภาระผูกพัน
❌ ตัวอย่าง 3: “Notwithstanding” แปลเป็น “ถึงแม้ว่า”
→ แต่ในสัญญาหมายถึง “ข้อกำหนดนี้ใช้เหนือกว่าข้ออื่น”
แล้วผู้แปลแบบไหนถึงจะปลอดภัยจริง?
✔ ต้องเข้าใจกฎหมายไทย–กฎหมายต่างประเทศ
ไม่ใช่แค่ภาษา แต่ต้องเข้าใจระบบที่ต้นฉบับใช้ด้วย
✔ แปลโดยยึดโครงสร้างกฎหมาย ไม่ใช่แปลสวย
✔ เคยแปลสัญญาประเภทเดียวกับที่ลูกค้าใช้ เช่น
- Shareholder Agreement
- Lease Agreement
- Employment Contract
- Purchase Agreement
- NDA / MOU
- Service Agreement
✔ สามารถให้คำแนะนำด้าน Legal Terminology
ต้องรู้ว่าในกฎหมายไทยควรใช้คำไหนให้ตีความถูกต้อง
สรุป: แปลสัญญา = งานที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเท่านั้น
การแปลสัญญาไม่ใช่เพียงแปลภาษา แต่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อสิทธิ หน้าที่ และความเสี่ยงทางกฎหมายของทุกฝ่าย
ผู้แปลต้องเข้าใจ legal intent, terminology, structure, และ ผลของถ้อยคำตามกฎหมายไทย–อังกฤษ
หากต้องใช้ในศาล หน่วยงานรัฐ หรือคู่สัญญาต่างชาติ
ควรใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลกฎหมาย (Legal Translator) โดยเฉพาะ
***
เราให้บริการ Legal Contract Translation โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
รองรับ Certified / Notarized Translation
สื่อสารได้ทั้งไทย–อังกฤษ พร้อมทีมที่พูดอังกฤษได้