ในสถานการณ์ที่นายจ้างและลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาข้อเรียกร้องจนทำให้เกิด ข้อพิพาทแรงงาน การใช้สิทธิ “ปิดงาน” ของนายจ้างเป็นกลไกหนึ่งที่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์รับรองไว้ เพื่อสร้างแรงกดดันให้คู่กรณีกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา อย่างไรก็ตาม ในทางกฎหมาย “การปิดงาน” มีความหมายและผลทางกฎหมายที่แตกต่างอย่างชัดเจนจาก “การเลิกจ้าง” และไม่อาจตีความปะปนกันได้
การปิดงานคืออะไร
ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 การปิดงานหมายถึง การที่นายจ้างงดเปิดงานทั้งหมดหรือบางส่วนชั่วคราว เพื่อกดดันให้ลูกจ้างยอมรับหรือปฏิเสธข้อเรียกร้องที่ยังตกลงกันไม่ได้ กล่าวคือ การปิดงานเป็น มาตรการชั่วคราว ใช้ในระหว่างข้อพิพาทแรงงาน ยังไม่ถือว่าสัมพันธ์การจ้างสิ้นสุดลง ลูกจ้างยังคงมีสถานะเป็นลูกจ้าง และเมื่อยุติการปิดงานแล้ว ลูกจ้างมีสิทธิกลับเข้าทำงานได้
การปิดงานไม่ใช่การเลิกจ้าง
แม้ผลของการปิดงานทำให้ลูกจ้าง “ไม่มีงานทำและไม่ได้รับค่าจ้าง” ชั่วคราว แต่กฎหมาย ไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ด้วยเหตุผลสำคัญ ดังนี้:
- สถานะความเป็นลูกจ้างยังคงอยู่
นายจ้างไม่ได้ยุติสัญญาจ้าง และลูกจ้างยังมีสิทธิกลับเข้าทำงานได้เมื่อปิดงานสิ้นสุดลง - ไม่มีการออกคำบอกเลิกจ้างหรือยุติสัญญาจ้าง
จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือสิทธิอื่นตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน - เป็นมาตรการตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ไม่ใช่มาตรการทางวินัย
แตกต่างจากกรณีเลิกจ้างเพราะกระทำผิด หรือเลิกจ้างทางธุรกิจ - ต้องเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีข้อพิพาทแรงงานตามกฎหมายเท่านั้น
นายจ้างไม่สามารถปิดงานโดยปราศจากเหตุแห่งข้อพิพาทแรงงาน
ดังนั้น การปิดงานจึงเป็นเพียง “การหยุดการทำงานโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อกดดันในการเจรจา” ไม่ใช่การสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
เงื่อนไขสำคัญก่อนที่นายจ้างจะใช้สิทธิในการปิดงาน
นายจ้างไม่อาจปิดงานตามอำเภอใจ การปิดงานต้องเป็นไปตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ ได้แก่
- ต้องมีข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้นก่อน
เช่น ข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าจ้าง สวัสดิการ สภาพการจ้าง หรือการเจรจาข้อเรียกร้องที่ตกลงกันไม่ได้
- ต้องแจ้งให้พนักงานประนอมข้อพิพาททราบ
เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีโอกาสไกล่เกลี่ยก่อนใช้มาตรการปิดงาน
- ต้องแจ้งลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
ระบุวันที่จะเริ่มปิดงานอย่างชัดเจน
- การปิดงานต้องไม่ขัดกับคำสั่งห้ามหรือข้อกำหนดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (ครส.)
หากมีคำสั่งให้ชะลอหรือระงับข้อพิพาท นายจ้างต้องปฏิบัติตาม
ผลของการปิดงานต่อสิทธิของลูกจ้าง
ระหว่างการปิดงาน
- ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง
- ความเป็นลูกจ้างยังคงอยู่
- ห้ามนายจ้างเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งลูกจ้างเฉพาะราย
- เมื่อตกลงกันได้และการปิดงานสิ้นสุดลง นายจ้างต้องให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานตามปกติ
ประเด็นที่มักเกิดความเข้าใจผิดในทางปฏิบัติ
- คิดว่าปิดงานเท่ากับเลิกจ้าง
ไม่ถูกต้อง เพราะ ไม่มีการยุติสัญญาจ้าง ไม่มีการสิ้นสุดการจ้างงาน ไม่มีการเลิกจ้าง - คิดว่านายจ้างสามารถปิดงานเมื่อใดก็ได้
ผิด เพราะ การปิดงานต้องเกิดในกรณีข้อพิพาทแรงงานและต้องแจ้งล่วงหน้า - คิดว่าลูกจ้างต้องเซ็นยอมรับหนังสือหรือเงื่อนไขระหว่างปิดงาน
ผิด เพราะ กฎหมายไม่บังคับ และหากเป็นการกดดันให้ยอมรับเงื่อนไข อาจผิดกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
สรุป
การปิดงานเป็นสิทธิของนายจ้างที่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์กำหนดไว้เพื่อใช้ในสถานการณ์ข้อพิพาทแรงงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้กลับสู่การเจรจา มิใช่การเลิกจ้างลูกจ้าง ลูกจ้างยังคงสถานะเดิม และสามารถกลับเข้าทำงานได้หลังยุติข้อพิพาท การปิดงานจึงเป็นมาตรการชั่วคราวและมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
บริการของเรา
WPK Notary and Translation Services เป็นสำนักงานกฎหมายที่ให้บริการอื่นนอกเหนือจากบริการด้านการแปลและรับรองเอกสารด้วย สำนักงานของเรามีทนายความผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแรงงาน และ บริการร่างสัญญาจ้าง ข้อบังคับการทำงาน และ หนังสืออื่นๆเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น
- ร่างสัญญาจ้างงาน (ถาวร มีกำหนดระยะเวลา)
- ร่างข้อบังคับการทำงานตามกฎหมายแรงงาน
- ร่างแบบฟอร์มหนังสือเตือน หนังสือเลิกจ้าง หนังสือลางาน และ อื่นๆ
- ให้คำปรึกษากฎหมายแรงงาน และ แรงงานสัมพันธ์
ติดต่อเราได้เลย หรือ ทิ้งคำถามไว้ แล้วเราจะตอบกลับโดยเร็ว หรือทักมาตามช่องทางดังต่อไปนี้
📧 wpk.notary@gmail.com
📲 Line: @519clses
📍 Facebook: WPK Notary