You are using an outdated browser. For a faster, safer browsing experience, upgrade for free today.

หนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้ (Notice): เครื่องมือสำคัญที่เจ้าหนี้ไม่ควรมองข้าม

หนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้ (Notice): เครื่องมือสำคัญที่เจ้าหนี้ไม่ควรมองข้าม

หนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้ (Notice) คือเอกสารที่เจ้าหนี้ส่งไปยังลูกหนี้เพื่อแจ้งให้ทราบถึงหนี้สินที่ค้างชำระ และกำหนดระยะเวลาให้ลูกหนี้ชำระหนี้ หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด อาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายต่อไปได้ 

  • จำเป็นต้องส่งทุกครั้งไหม

ไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหนี้ที่มีกับลูกหนี้

ประเด็นนี้ต้องใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบให้ดี เนื่องจากว่าหากเป็นกรณีที่กฎหมายระบุว่าจะต้องส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามก่อนแล้วไม่ได้ส่ง ก็จะสามารถส่งผลให้เจ้าหนี้ไม่สามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้ เช่น ฟ้องคดีไม่ได้ เรียกดอกเบี้ยไม่ได้ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี บางกรณี แม้กฎหมายจะไม่ได้บังคับว่าจะต้องส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้ก่อนถึงจะดำเนินการฟ้องร้องคดีได้ แต่ก็เป็นที่แนะนำให้ดำเนินการส่งก่อนเนื่องจากว่าหนังสือบอกกล่าวทวงถามนี้จะเป็นหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้ศาลเห็นว่าทางเจ้าหนี้ได้กระทำการอันเหมาะสมแล้วในการทวงถามให้ชำระหนี้และมีหลักฐานอย่างดี และพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้เพิกเฉยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ 

  • วัตถุประสงค์

หนังสือบอกกล่าวทวงถามมีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้ลูกหนี้ทราบถึงภาระหนี้สินที่ต้องชำระ ทวงถามให้ชำระ และเพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสชำระหนี้ก่อนที่จะมีการดำเนินการทางกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล อันอาจจะเกี่ยวทั้งแพ่งและอาญาได้

  • องค์ประกอบ

หนังสือบอกกล่าวทวงถามนั้นจะมีองค์ประกอบตามกฎหมายอยู่ ซึ่งหากองค์ประกอบไม่ครบถ้วนก็อาจจะทำให้สิทธิบกพร่องของเจ้าหนี้ได้

อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของหนังสือบอกกล่าวทวงถามโดยทั่วไปแล้วจะขึ้นอยู่กับกฎหมายที่ใช้กับหนี้นั้น โดยหลักแล้วควรระบุองค์ประกอบดังนี้

  • หัวกระดาษมุมขวา สถานที่ที่หนังสือได้ทำขึ้น วันที่หนังสือได้ทำขึ้น
  • หัวกระดาษมุมซ้าย เรื่องที่ต้องการแจ้งหรือสาระสำคัญของหนังสือสั้นๆ เช่น ขอให้ชำระหนี้ ขอให้ส่งมอบทรัพย์สิน และ เรียนไปยังชื่อลูกหนี้ 
  • เนื้อหาย่อหน้าแรก ให้บรรยายเกริ่นถึงรายละเอียดของหนี้สินที่มีระหว่างกัน เช่น ได้ทำสัญญากู้ระหว่างวัน  วันที่เท่าไร จำนวนเท่าไร กำหนดชำระกี่วัน คิดดอกเบี้ยอย่างไร เป็นการกล่าวถึงหนี้โดยภาพรวมเท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องผิดนัดหรือไม่จ่ายหนี้ใด ๆ (ส่วนนี้จะไปใส่ในย่อหน้าถัดมา)  ลงท้ายย่อยหน้านี้ด้วยคำว่า “ตามที่ท่านได้ทราบดีอยู่แล้วนั้น”
  • เนื้อหาย่อหน้าที่สอง ให้บรรยายถึงรายละเอียดการผิดนัด โดยเริ่มด้วยคำว่า “ปรากฏว่า...” แล้วใส่รายละเอียดการค้างชำระ, กำหนดเวลาให้ชำระหนี้, จำนวนเงินที่ต้องชำระ, ข้อมูลการผิดนัด, ดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับที่จะเรียก, ข้อความแสดงว่าลูกหนี้ผิดนัด  เช่น ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดชำระหนี้แล้ว ท่านเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ หรือ บัดนี้เลยระยะเวลาที่ต้องส่งมอบสินค้าแล้วแต่ท่านก็ยังเพิกเฉยไม่ชำระ และปิดท้ายคำว่า “ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย เป็นจำนวนเงิน.... ”
  • ย่อหน้าสุดท้าย ให้บรรยายถึงสิ่งที่เจ้าหนี้ต้องการเรียกจากลูกหนี้ เช่น เรียกร้องให้จ่ายหนี้ และระยะเวลาที่จะอนุญาตให้จ่ายหนี้ รวมถึงผลที่จะตามมาหากไม่ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด เช่น “ขอให้ท่านชำระหนี้จำนวน... พร้อมดอกเบี้ย... ของต้นเงินจำนวน ภายใน... วัน ไปยังเลขบัญชี... ชื่อบัญชี... ธนาคาร.... หากท่านไม่ชำระให้ครบถ้วนภายในวันดังกล่าว เจ้าหนี้มีความจำเป็นต้องดำเนินการฟ้องร้องคดีตามกฎหมายต่อท่านต่อไป”
  • ส่วนท้าย ใส่ข้อความว่า ขอแสดงความนับถือ บริเวณกลางหรือด้านขวาของหน้ากระดาษ พร้อมลงชื่อเจ้าหนี้ ผู้รับมอบอำนาจ หรือทนายความที่ทำหนังสือนี้ขึ้น
     
  • การส่งหนังสือ

เจ้าหนี้ควรส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังลูกหนี้โดยวิธีการที่สามารถตรวจสอบได้ว่าลูกหนี้ได้รับหนังสือแล้ว โดยแนะนำให้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เขียนใบตอบรับส่งไปด้วย เพื่อที่จะนำใบตอบรับดังกล่าวมาช่วยยืนยันว่าลูกหนี้ได้รับการบอกกล่าวทวงถามโดยชอบแล้ว หรือให้ทนายความส่ง ซึ่งใบตอบรับดังกล่าวจะเป็นหลักฐานชั้นดีในการฟ้องร้องดำเนินคดี

เมื่อจะทำการส่ง เจ้าหนี้ควรเก็บสำเนาหรือสแกนหนังสือบอกกล่าวทวงถามดังกล่าวไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

  • ผลทางกฎหมาย

การส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามเป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าหนี้ควรดำเนินการก่อนที่จะฟ้องร้องลูกหนี้ต่อศาล การมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามจะช่วยยืนยันว่าเจ้าหนี้ได้พยายามติดตามหนี้สินด้วยวิธีที่สุจริตแล้ว

  • แนวคำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับหนังสือบอกกล่าวทวงถามที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องกับหนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้มักจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ เช่น ความสมเหตุสมผลของระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือบอกกล่าว, ผลของการไม่ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด, และผลของการส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อันจะแสดงให้เห็นว่าลักษณะหนังสือบอกกล่าวทวงถามที่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเป็นอย่างไร ผู้ทำหนังสือบอกกล่าวทวงถามจึงควรต้องศึกษาแนวทางคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มั่นใจได้ว่าหนังสือบอกกล่าวทวงถามนั้นจะมีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ มีคำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจดังนี้

  • การส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังผู้ค้ำประกัน หากเจ้าหนี้ไม่มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน 60 วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้ไม่มีอำนาจฟ้อง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3777/2560 และ 4603/2562 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686)
  • เมื่อจะบังคับจำนอง จะต้องมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระภายในเวลาอันสมควร (คำพิพากษาฎีกาที่ 462/2550, 5553/2542 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728)
  • หนังสือบอกกล่าวการบังคับจำนองจะต้องระบุกำหนดการให้ไถ่ถอนจำนองอย่างชัดเจนและให้ระยะเวลาตามสมควร หากไม่มีระบุข้อความที่แน่นอนจะไม่เป็นคำบอกกล่าวที่ชอบ (5553/2542)
  • ควรส่งหนังสือไปยังภูมิลำเนาของลูกหนี้ ตามที่ปรากฏในสำเนาทะเบียนราษฎร (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2566)
  • กู้เงินไม่มีกำหนดเวลาชำระคืน ผู้ให้กู้เรียกให้ชำระเงินได้โดยพลัน ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อน (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2518) 
  • หนี้มีกำหนดเวลาแน่นอนจึงต้องตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10625/2555)

 

  • ข้อควรระวัง
  • เจ้าหนี้ควรระบุจำนวนหนี้ที่ถูกต้องและเป็นจริงในหนังสือบอกกล่าวทวงถาม
  • เจ้าหนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือข่มขู่ลูกหนี้
  • เจ้าหนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังลูกหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    📌 หากคุณต้องการจัดทำหรือปรึกษาเกี่ยวกับหนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้ หรือเอกสารทางกฎหมายอื่น ๆ
    เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการจัดทำเอกสารโดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อให้คุณมั่นใจว่าสิทธิของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอย่างถูกต้องและครบถ้วน

📧 Email: wpk.notary@gmail.com
📍 Facebook: WPK Notary
📲 Line: @519clses