ในการดำเนินการทางธุรการหรือกฎหมายกับหน่วยงานราชการไทย ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีในศาล การยื่นประมูลโครงการของรัฐ หรือการขออนุญาตต่าง ๆ ผู้ยื่นคำขอมักต้องใช้เอกสารจากต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในภาษาที่หน่วยงานไม่สามารถพิจารณาได้โดยตรง ดังนั้น “การแปลเอกสารจากภาษาต่างประเทศ” ให้ถูกต้อง ชัดเจน และมีความน่าเชื่อถือจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้
บทความนี้จะสรุปแนวทางและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแปลเอกสารเพื่อยื่นต่อหน่วยงานราชการไทยอย่างถูกต้อง ดังนี้:
1. การแปลเอกสารเพื่อประกอบการยื่นต่อศาล
กรณีมีการนำเอกสารภาษาต่างประเทศมาใช้ในการพิจารณาคดี เช่น หลักฐาน หนังสือสัญญา หรือบันทึกต่างประเทศ จำเป็นต้องแปลเอกสารดังกล่าวเป็นภาษาไทยตามข้อกำหนดของศาลไทย
โดยอ้างอิงตาม มาตรา 46 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบัญญัติว่า:
“ถ้าต้นฉบับเอกสารหรือแผ่นกระดาษไม่ว่าอย่างใด ๆ ที่ส่งต่อศาลได้ทำขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศ ให้ศาลสั่งคู่ความฝ่ายที่ส่งให้ทำคำแปลทั้งฉบับหรือเฉพาะแต่ส่วนสำคัญ โดยมีคำรับรองมายื่นเพื่อแนบไว้กับต้นฉบับ”
ซึ่งหมายความว่า ศาลอาจสั่งให้จัดทำคำแปล และต้องแนบพร้อม “คำรับรองคำแปล” จากผู้แปล เพื่อให้เอกสารนั้นมีผลในกระบวนการพิจารณาคดี ทั้งนี้ หากเอกสารแปลมีความผิดพลาดหรือไม่น่าเชื่อถือ ก็จะถูกโต้แย้งจากคู่ความฝ่ายอื่น อันอาจส่งผลเสียต่อรูปคดีได้
2. การแปลเอกสารประกอบการยื่นประมูลทางราชการ
ในการเข้าร่วมการประมูลของภาครัฐ หากมีการใช้งานเอกสารต่างประเทศ เช่น:
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (Certificate of Incorporation)
- ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (Business License)
- งบการเงิน (Financial Statements)
- หนังสือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย (Authorization Letter / Dealer Certificate)
- หนังสือมอบอำนาจ (Power of Attorney)
เอกสารเหล่านี้ต้องถูกแปลเป็นภาษาไทยอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และผ่านการรับรองคำแปล โดยแนะนำให้รับรองจาก:
- สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลของประเทศที่ออกเอกสาร
- สถาบันหรือผู้ให้บริการแปลที่มีมาตรฐานระดับสากล
เพื่อให้หน่วยงานราชการไทยสามารถตรวจสอบและใช้เอกสารเหล่านั้นได้โดยไม่ติดขัด
3. การแปลเอกสารเพื่อยื่นขอใบอนุญาตกับหน่วยงานราชการอื่นๆ (เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา – อย.)
สำหรับกรณีที่ต้องขอใบอนุญาต เช่น การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ การนำเข้าสินค้า หรือขออนุญาตประกอบกิจการ โดยเฉพาะกับหน่วยงานอย่าง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากเอกสารประกอบเป็นภาษาต่างประเทศ (โดยเฉพาะหากไม่ใช่ภาษาอังกฤษ) จะต้องแนบคำแปลภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษพร้อมใบรับรองคำแปล
ขั้นตอนการดำเนินการ:
- แปลเอกสาร
ดำเนินการแปลเอกสารจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ โดยนักแปลที่มีความเชี่ยวชาญ - รับรองคำแปล
นำคำแปลไปขอรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น:- สถาบันการแปล
- กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- สถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศต้นทาง
- ยื่นเอกสารต่อหน่วยงานราชการ
นำต้นฉบับพร้อมคำแปลที่ได้รับการรับรองไปยื่นต่อหน่วยงาน เช่น อย., กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, หรือกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
สรุป
การแปลเอกสารจากภาษาต่างประเทศเพื่อใช้ในราชการไทย ไม่ใช่เพียงแค่การแปลภาษาให้เข้าใจได้เท่านั้น แต่ต้องมีความถูกต้องทั้งถ้อยคำและรูปแบบ ถูกกฎหมาย และได้รับการรับรองอย่างเหมาะสมเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ประกอบการยื่นต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกนักแปลหรือหน่วยงานที่เชี่ยวชาญและมีมาตรฐานรับรองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและประหยัดเวลาในกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างมาก
✨ ให้ WPK ดูแลเอกสารของคุณอย่างมั่นใจ
WPK Translation Services ให้บริการแปลเอกสารจากภาษาต่างประเทศเพื่อยื่นต่อหน่วยงานราชการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสำหรับศาล การประมูลภาครัฐ หรือการยื่นใบอนุญาตกับหน่วยงานราชการ เช่น อย., กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, และอื่น ๆ
📩 ติดต่อเราได้เลยวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาและบริการแปลเอกสารอย่างมืออาชีพ
✅ถูกต้อง ครบถ้วน ตรงตามรูปแบบที่หน่วยงานราชการยอมรับ